วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ประวัติ Santiago Calatrava

Santiago Calatrava อาจจะไม่ใช่สถาปนิกที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
มากมายอะไรนักหนาถ้าจะนำมาเทียบกับสถาปนิกอีกหลาย ๆ ท่าน (แต่ผมว่าตอนนี้ เค้าโด่งดังมากๆ ขวัญใจผมเลยหละคนนี้) แต่สถาปนิกชาวสเปนท่านนี้ ก็มีผลงานที่น่าสนใจมากมาย หลายแห่ง รวมทั้งมีแบบอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ ของตัวเองอย่างเห็นได้ชัด

ผลงานของ Santiago นั้น จะเน้นให้เห็นถึง การรับ - ถ่าย แรงของโครงสร้าง และวัสดุ โดยการโชว์ให้เห็นถึงโครงสร้างอันเป็นส่วนหนึ่งของงานออกแบบ ที่สวยงาม โดยใช้ความรู้ทางสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ผลงานโดยส่วนใหญ่จะสื่อถึงสัตว์ปีก เช่น นก แมลงปีกแข็ง ฯลฯ การนำปีก หรือลายเส้นที่พลิ้วไหว มาใช้ในงานออกแบบของเขา ทำให้ผลงานของ Santiago นั้น
ล้ำยุค แหวกแนว สุดเฉียบ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จะเรียกได้ว่าในขณะนี้ Santiago เป็นหนึ่งในสุดยอดของ Contemporary Structurist Architect เลยทีเดียว

Santiago Calatrava เป็นสถาปนิก ที่ได้รับรางวัลมากมาย ตั้งแต่ ปี 1987 จนถึงในปัจจุบัน เขาสร้างชื่อเสียงใ้ห้ตัวเองหลังจากออกแบบ Calatrava Communication Tower ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกส์ 92 ที่บาร์เซโลนา ผลงานของเขามีมากมาย ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และที่กำลังจะสร้างในอนาคต ผมขอนำเสนองานที่น่าในใจในปัจจุบัน เป็นงานที่ผมชอบมากที่สุดก่อนแล้วกัน นั่นก็คือ

City of Arts and Sciences of Valencia

" เมืองแห่งศิลปะและวิทยาศาสตร์ " ของบาเลนเซีย ประเทศสเปน โครงการนี้เริ่มตั้งแต่ปี 1996 และเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อต้นศตวรรษใหม่นี้เอง ตั้งอยู่บนบริเวณที่เคยเป็นปากแม่น้ำTuria ปัจจุบันถมทำเป็นสวนสาธารณะ สร้างบนพื้นที่ทั้งหมด 350,000 ตร.ไมล์ ประกอบด้วยอาคาร 4 หลังที่ล้วนเป็นสถาปัตยกรรมล้ำยุค ส่วนของพิพิธภัณฑ์ทางทะเลจะแยกออกไปในพื้นที่ต่างหาก แต่เดินถึงกัน












1. L’Umbracle คือหนึ่งในสองของกลุ่มอาคารเมืองศิลปะและวิทยาศาสตร์ที่อยู่ระดับเดียวกับถนน เป็นกึ่งทางเข้า มันคือสวนยาวเหยียดใต้โครงเหล็กโปร่งสีขาว มองเห็นภูมิทัศน์ทั้งหมดได้จากบนนี้ ชั้นใต้ดินของ L’Umbracle คือลานจอดรถขนาดใหญ่ กรวยสีขาวใหญ่ที่อยู่หัวท้ายคือบันไดเวียนลงไปพื้นระดับล่า

2. L’Hemisfèric อาคารกลางสระน้ำ ดีไซน์ที่ Calatrava ได้แรงดลใจจากดวงตามนุษย์ ผนังโครงกระจกส่วนล่างทั้งสองด้านของอาคารสามารถเิปิดขึ้นได้ เหมือนกระพริบตา ชั้นใต้ดินของ L’Hemisfèric คือโรงภาพยนต์ IMAX เลเซอร์เรียมจัดแสดงเลเซอร์โชว์ ร้านอาหารและกิ๊ฟช็อพ


3. Museo Las Ciencias Príncipe Felipe เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในสเปน ตัวอาคารยาว 220 เมตร กว้าง 80 เมตร สูง 55 เมตร มีพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการ 42,000 ตร.เมตร พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งนี้มีผู้มาเยือนแล้ว 18 ล้านคนนับตั้งแต่เปิดอย่างเป็นทางการ นิทรรศการถาวรที่เรียกว่า Science on Stage จัดแบบ interactive ให้ผู้เข้าชมไ้ด้จับต้อง และทดลองโมดูลวิทยาศาตร์ต่างๆ ด้านหลังอาคารที่หันไปทางสวนสาธารณะเป็นโครงผนังกระจกสูง

4. Palau de les Arts Reina Sofía คอนเสิร์ตฮอลหน้าตาเหมือนแมลงปีกแข็งขนาดยักษ์ เปลือกนอกของอาคารกรุกระเบื้องสีขาวมันวาว ภายในมีคอนเสิร์ตฮอลใหญ่ 4 ห้อง จุผู้ชมได้ทั้งหมด 4,400 คน ใหญ่เป็นรองแค่ Sydney Opera House เพียงที่เดียว

5. L’Oceanogràfic พิพิธภัณฑ์ทางทะเลคือดาราเอกของเมืองศิลปะและวิทยาศาสตร์แห่งบาเลนเซีย ปริมาณน้ำเค็ม 42 ล้านลิตรในพิพิธภัณฑ์ที่ส่งมาตามท่อ สามารถใส่สระน้ำขนาดโอลิปิกได้ 15 สระ นิทรรศการจัดแบ่งเป็นเขตขั้วโลก สระโลมา โลกใต้น้ำทะเลแดง โลกใต้น้ำแถบเมดิเตอร์เรเนียน และอุโมงค์กระจกลอดใต้น้ำยาว 70 เมตรให้ดูสัตว์ทะเล สัตว์น้ำทั้งหมดในพิพิธภัณฑ์ทางทะลนี้มีมากกว่า 45,500 ตัวจาก 500 พันธุ์ ความใหญ่ของพิพิธภัณฑ์ ให้นึกถึงโอเชียนเวิร์ลใต้ศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ แล้วคูณเข้าไป 10 กว่าเท่า ประมาณนั้น




3 ความคิดเห็น: